วันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

โรคหูดหงอนไก่สามารถเกิดได้ทุกเพศทุกวัย


ภาพที่ 1 โรคหูดหงอนไก่ 
ที่มา (โรงพยาบาลจุฬารัตน์, 2558)


                   โรคหูดหงอนไก่ เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ประเภทหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันพบบ่อยมากในเวชปฏิบัติซึ่งสามารถพบได้ทั้งชายเเละหญิงโรคหูดหงอนไก่นั้นแม้เป็นเเล้วก็ไม่ก่อให้เกิดการเสียชีวิตเเละไม่สามารถกลายเป็นมะเร็งได้เเต่บุคคลที่เป็นจะเกิดความรำคาญเเละเสียภาพลักษณ์มากบางคู่ถึงกับต้องเลิกลาหรือหย่าร้างกันเลยทีเดียว (ทรงพล สินธิชัย, 2558)

        โรคหูดหงอนไก่นั้นเกิดจากเชื้อฮิวแมนแปบปิโลมาไวรัส (Human papilloma virus) หรือ เรียกสั้นๆว่า HPV ซึ่งโรคนี้เป็นได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยในเด็กมีอาการที่ฝ่ามือฝ่าเท้า ส่วนในผู้ใหญ่จะพบบ่อยในวัยเจริญพันธุ์ คือ ในช่วงอายุ 16 - 25 ปี เชื้อชนิดนี้ชอบอยู่ในบริเวณที่อับชื้นทำให้เกิดรอยโรคที่อวัยวะสืบพันธุ์โดยอาการของโรคนั้นจะปรากฏเป็นตุ่มหรือปุ่มปมคล้ายดอกกะหล่ำ (ศิริราชพยาบาล, 2554) 


http://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/admin/article_pic/
ภาพที่ 2 โรคหูดหงอนไก่ลักษณะนูนเหมือนหัวกะหล่ำ
 ที่มา (คณะแพทย์ศิริราชพยาบาล, 2547)

การรักษาโรคหูดหงอนไก่
    วิธีการรักษาโรคหูดหอนไก่นั้นมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับการแสดงอาการของโรค โดยจะมีวิธีการรักษา (ศิริราชพยาบาล, 2554) ดังต่อไปนี้
        1. การจี้ด้วยสารเคมี เช่น การใช้สารเคมี 80% กรดไตรคลอโรอะเซติค (Trichloroacetic acid) และ 25% โพโดฟิลลีน (Podophyllin) จี้บริเวณที่เป็นหูดโดยบุคลากรทางการแพทย์สัปดาห์ละ 1 ครั้งติดต่อกันทุกสัปดาห์จนหาย ถ้าหากรักษาติดต่อกันเกิน 6 ครั้งแล้วไม่ดีขึ้นแพทย์จะพิจารณารักษาด้วยวิธีอื่น หลังจี้ยาประมาณ 1 ชั่วโมงไม่ควรให้บริเวณที่ถูกจี้โดนน้ำ
        2. การใช้ยาทาตรงบริเวณที่เป็นหูด เช่น ส่วนของยา 5% อิมิควิโมดครีม  (5% Imiquimod cream) จะช่วยลดปริมาณไวรัสทำให้หูดหายไปและยังช่วยลดอัตราการกลับเป็นซ้ำของโรคอีกทั้งสะดวกในการใช้เพราะผู้ป่วยสามารถนำกลับไปทาเองที่บ้านได้ แต่มีข้อเสียคือ ราคาแพง
             3. การผ่าตัด ทำได้หลายวิธี คือ
                   3.1  การจี้หรือการตัดออกด้วยไฟฟ้า
                   3.2  การจี้หรือตัดออกโดยใช้ความเย็นจัด
                   3.3  การผ่าตัดด้วยแสงเลเซอร์ 
    
        ระยะเวลาที่ใช้รักษาในแต่ละคนอาจจะนานเป็นสัปดาห์จนถึงเป็นเดือนและโอกาสที่จะกลับเป็นใหม่นั้นค่อนข้างสูง เพราะไวรัสแพร่กระจายไปตามผิวหนังได้โดยที่ยังไม่เห็นผื่นควรติดตามรักษากับแพทย์สม่ำเสมอ จนกว่าไม่มีอาการปรากฏใหม่นานหลายเดือนติดต่อกันจึงแน่ใจได้ว่าอาการนั้นหายดีแล้วโดยที่ในระหว่างทำการรักษาควรป้องกันการแพร่เชื้อโดยการใช้ถุงยางอนามัยในการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าแพทย์จะแจ้งว่าหายดีการดูแลสุขอนามัยส่วนตัวยังคงทำได้ตามปกติไม่จำเป็นต้องใช้สบูู่หรือยาฆ่าเชื้อใด ๆ เพิ่มเติม โอกาสที่จะติดต่อทางช่องปากมีได้แม้ไม่มากเราจึงควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่เป็นหูดด้วยปากจะเป็นการดีกว่า ในส่วนของค่าใช้จ่ายในการรักษามีตั้งแต่เป็นร้อยจนถึงหลายพันบาทแล้วแต่วิธีที่ใช้ในการรักษา คุณสามารถปรึกษาสูติแพทย์ หรือ แพทย์ผิวหนัง ตามโรงพยาบาลทั่วไปได้ ( สมชัย ลีลาศิริวงศ์, 2547 )




เอกสารอ้างอิง

1.ทรงพล สินธิชัย. (2558). หูดหงอนไก่ (condyloma acuminata). [Online]. Available: http://www.chularat.com/knowledge_detail.php?gid=3&id=72&lang=th. [2559, กรกฎาคม 20]
2.ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา Faculty of Medicine Siriraj Hospital คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล. (2554). คู่มือเรื่องโรคหูดหงอนไก่ [Online]. Available: http://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/articledetail.asp?id=888. [2559, กรกฎาคม 20]
3.สมชัย ลีลาศิริวงศ์. (2547). หูดหงอนไก่ [Online]. Available: https://www.praram9.com/talktodoctor_detail.php?id=01066. 
[2559, กรกฎาคม 20]

จัดทำโดย

นางสาว วศิณี  เถรว่อง รหัส 5711011809011
นักศึกษามหาวิทยาลัยสวนดุสิต คณะวิทยาการจัดการ 
สาขาเลขานุการทางการแพทย์
ที่ปรึกษาบทความ
ผศ.ปวีณา สปิลเลอร์
คุณวรโชติ ลมุดทอง (พี่ก้อง)